คลื่นวิทยุมีกี่แบบ แตกต่างกันอย่างไรบ้าง

How-many-radio-waves

วิทยุเป็นสื่ออีกหนึ่งอย่างที่มีอิทธิพลต่อเราเป็นอย่างมาก ยิ่งหากเราอยู่ในเมืองใหญ่ติดอยู่กลางถนน กลางสี่แยก เชื่อเลยว่านั่งอยู่ในรถหากไม่ดูคลิปละครเมื่อคืน ก็ต้องเปิดคลื่นวิทยุฟังเพลง ฟังเสียงดีเจอย่างแน่นอน คลื่นวิทยุนับว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่นับว่าเป็นการค้นพบครั้งสำคัญของมนุษย์เลย ว่าแต่คลื่นวิทยุมีกี่แบบ แตกต่างกันอย่างไร

คลื่นวิทยุคืออะไร

คลื่นวิทยุที่เราใช้กันทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นคลื่นวิทยุที่ฟังเพลง หรือ คลื่นวิทยุสำหรับการสื่อสารนั้น ความจริงก็คือมันเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูง โดยหลักการทำงานของมันแบบคร่าวๆ ก็คือจะต้องมีตัวส่งคลื่นสัญญาณดังกล่าวออกไปในระยะทางไกล จากนั้นอีกฝ่ายก็จะต้องมีตัวรับเพื่อแปลผลสัญญาณนั้นออกมาเป็นเสียงให้เราได้ยินกันในที่สุด ซึ่งคลื่นวิทยุมีข้อดีก็คือมันสามารถแพร่กระจายไปได้เร็วมาก ความเร็วในอัตราเกือบเท่าแสงทีเดียว สองมันสามารถแพร่กระจายได้ไกลมาก นั่นทำให้การสื่อสารสามารถทำได้ดีแม้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ไกลมากก็ตาม

radio-waves

ลักษณะของคลื่นวิทยุ

คลื่นวิทยุแม้จะมองไม่เห็น แต่ความจริงแล้วมันมีลักษณะแตกต่างกันแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ก็คือ หนึ่งคลื่นดิน หมายถึงคลื่นวิทยุที่วิ่งไปตามแนวระนาบบนพื้นดิน โดยจะวิ่งออกจากตัวปล่อยสัญญาณไปถึงตัวรับสัญญาณได้ในระยะประมาณ 80 กิโลเมตรเท่านั้น สองคลื่นฟ้า คลื่นวิทยุแบบนี้อธิบายได้ว่าคลื่นจะออกจากตัวปล่อยสัญญาณจากนั้นพุ่งขึ้นไปบนฟ้าจนถึงชั้นบรรยากาศ แล้วสะท้อนกลับลงมาไปยังผู้รับ โดยคลื่นแบบนี้มีข้อดีก็คือ สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดความโค้งของโลกได้ สามารถกระจายสัญญาณออกไปได้ไกลกว่าเดิม

ระบบ AM และ FM

คนที่ฟังวิทยุ คำแรกที่เราอาจจะคุ้นเคยแต่ไม่เคยเข้าใจในตัวมันก็คือ คำว่า AM กับ FM มันคืออะไรเราขออธิบายว่าทั้งสองคำนี้ก็คือการเอาระบบเสียง มาผสมกับระบบคลื่นวิทยุเพื่อให้เราสามารถฟังเสียงได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นทั้งสองคำนี้ก็คือวิธีการผสมคลื่นเสียง และคลื่นวิทยุเข้าด้วยกัน AM หมายถึง ระบบการผสมคลื่นเสียง กับคลื่นวิทยุแล้วผลทำให้ความสูงของคลื่นวิทยุ เปลี่ยนไปตามคลื่นเสียง วิธีนี้ข้อดีเป็นเรื่องระยะทางที่ส่งไปได้ไกลมาก แต่ข้อเสียคือไม่ค่อยเสถียรหากเจอสภาพอากาศไม่เป็นใจ ฝนตก ลมแรง ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง จะทำให้สัญญาณเสียงที่ได้ขาดหายทันที ด้านระบบ FM นั่นหมายถึง การผสมคลื่นความถี่กับคลื่นเสียงแล้วจะทำให้ความถี่ไม่สม่ำเสมอกัน ข้อดีก็คือคุณภาพเสียงจะดี ชัดเจนมากกว่า แต่ไม่สามารถส่งไปได้ไกลมากนัก (ไม่เกิน 150 กิโลเมตร) เราจึงเห็นการส่งคลื่นวิทยุแบบนี้ในเมืองใหญ่มากกว่า เอาล่ะเล่ามาขนาดนี้ก็น่าจะรู้จักคลื่นวิทยุกันมากขึ้น